มีคำถามที่ก้องอยู่ในหัวผู้หญิงคนหนึ่งตอนนั้นว่า “กายภาพบำบัดช่วยเหลือผู้คนได้จริงหรือไม่?”
เนื่องจากระบบการส่งต่อผู้ป่วยในอดีตมีความซับซ้อน ไม่เอื้อต่อการตรวจประเมิน และการตัดสินใจเลือกวิธีการรักษาผู้ป่วยด้วยแนวคิดของนักกายภาพบำบัดเอง จึงทำให้เกิดคำถามที่เกี่ยวข้องกับผลการรักษามากมาย
เพื่อพิสูจน์ความคิดนั้น รองศาสตราจารย์ กันยา ปาละวิวัธน์ จึงได้เปิดคลินิกกายภาพบำบัดส่วนตัวที่ห้องแถวเล็กๆ บริเวณสามแยกไฟฉาย โดยได้รับความอนุเคราะห์จากอาจารย์แพทย์ที่มีความเข้าใจในวิชาชีพกายภาพบำบัด ส่งผู้ป่วยมารับการรักษาที่คลินิก และนั่นคือจุดเริ่มต้นของ กันยาคลินิกกายภาพบำบัด
จากคลินิกเล็กๆ ที่สามแยกไฟฉาย ได้ขยายสู่การรวมทีมงานอาจารย์ทางกายภาพบำบัด ณ คลินิกใหม่ที่แยกอรุณอัมรินทร์ในปี พ.ศ. 2545
การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้กันยาคลินิกกายภาพบำบัดรองรับการให้บริการประชาชนได้มากยิ่งขึ้น แม้ในช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง แต่ด้วยคำบอกเล่าจากเพื่อนสู่เพื่อน จากลูกสู่ครอบครัว ทำให้มีผู้ป่วยเข้ารับบริการอย่างต่อเนื่อง
ในปี พ.ศ. 2551 ได้มีการจัดตั้งบริษัทและย้ายคลินิกมาที่บริเวณถนนสิรินธร พร้อมทีมงานที่เข้ามาร่วมพัฒนาการบริการและงานวิชาการของคลินิก ประกอบด้วย
โดยภารกิจหลักของคลินิกในขณะนั้น คือ การพัฒนานักกายภาพบำบัดให้มีคุณภาพ, การสร้างหลักสูตรเฉพาะภายในคลินิกเพื่อเพิ่มกำลังคนคุณภาพ และการรองรับการขยายงานบริการที่กำลังจะเกิดขึ้น
จากรุ่นสู่รุ่น อุดมการณ์ของคลินิกถูกส่งต่อไปยังทีมงานนักกายภาพบำบัด ในปี พ.ศ. 2555 คลินิกได้ขยายงานสาขาเหม่งจ๋าย และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี สามารถส่งต่อคุณภาพของนักกายภาพบำบัดที่รักษาผู้ป่วยภายใต้หลักวิชาการที่ทันสมัย
กันยาคลินิกกายภาพบำบัดกลายเป็นเหมือนสถาบันที่บ่มเพาะเมล็ดพันธุ์นักกายภาพบำบัดที่มีคุณค่าให้แก่สังคมไทย ด้วยแรงผลักดันเหล่านี้ จึงเกิดการขยายงานจนปัจจุบันคลินิกให้บริการ 9 สาขา และยังได้จัดตั้ง Kanya Academy สำหรับการอบรมนักกายภาพบำบัดโดยร่วมมือกับสถาบันชั้นนำในต่างประเทศ
นอกจากนี้ยังมี บริการซีเนียร์โฮมแคร์ เพื่อดูแลผู้ป่วยที่ไม่สะดวกต่อการเดินทาง และในปี พ.ศ. 2568 จะเปิด โรงพยาบาลกายภาพบำบัด เพื่อดูแลผู้ป่วยระยะกลาง (Intermediate Care; IMC)
แม้จะมีคลินิกกายภาพบำบัดเกิดขึ้นมากมาย แต่ กันยาคลินิกกายภาพบำบัด ยังคงรักษามาตรฐานคุณภาพงานบริการในระดับสูง
คลินิกพัฒนางานรักษาเฉพาะกลุ่มโรค ตอบสนองความต้องการของผู้เข้ารับบริการทุกช่วงวัย พร้อมมุ่งมั่นใช้กลไกของคลินิกในการยกระดับวิชาชีพกายภาพบำบัด
โดยเป้าหมายสูงสุดของกันยาคลินิกกายภาพบำบัด คือ การขับเคลื่อนสังคมที่ประชาชนมีสุขภาพดี มีความเข้าใจในสุขภาพ และสามารถดูแลตนเองต่อไปได้อย่างยั่งยืน
ยอดเยี่ยม อ้างอิงจาก 13 บทวิจารณ์ sunisa punwilai28 ธันวาคม 2024Trustindex ตรวจสอบว่าแหล่งที่มาดั้งเดิมของรีวิวคือ Google ได้พบนักกายภาพบำบัดมืออาชีพ ที่รักษาด้วยการฟังร่างกายคนไข้ ครั้งแรกออกจากทึ่งแบบไม่น่าเชื่อ พอได้มารักษาครั้งต่อๆไป ก็พบว่า เป็นแนวทางการรักษาที่ทำให้เราดูแลร่างกายได้แบบยั่งยืน สถานที่ให้บริการสะอาดได้มาตรฐาน พนักงานต้อนรับน่ารักยิ้มแย้ม :) Rosie Wood22 ตุลาคม 2024Trustindex ตรวจสอบว่าแหล่งที่มาดั้งเดิมของรีวิวคือ Google Excellent service ! As an 80 year old with a degenerative spine condition I am keen to remain as active as possible. Khun Natt and Khun Peach’s thorough and thoughtful assessment was followed by physical therapy and clear, practical advice on the very best way to achieve improvement. Thankyou ! Praewpun H.18 มิถุนายน 2024Trustindex ตรวจสอบว่าแหล่งที่มาดั้งเดิมของรีวิวคือ Google มารักษาฟื้นฟูกล้ามเนื้อหลังป่วยมะเร็งแล้วมีอาการหลังยอกบ่อยๆ นักกายภาพมีความเชี่ยวชาญ สุภาพและใจเย็น รักษาโดยใช้เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าครั้งละ 15 นาที ท่าบริหารแบบง่าย ฝึกการหายใจที่ถูกต้อง และปรับท่าทางในชีวิตประจำวันเพียงเล็กน้อย หลังจากรักษาได้ 1 เดือนกล้ามเนื้อกลับมามีแรงเหมือนเดิม หายปวดเมื่อย มีพลังในการใช้ชีวิตอีกครั้งค่ะ Nan Nopparat25 พฤษภาคม 2024Trustindex ตรวจสอบว่าแหล่งที่มาดั้งเดิมของรีวิวคือ Google พึ่งรู้ว่ามาเปิดสาขาที่นี่ เป็นลูกค้าเก่ามาสิบปี บริการดี รักษาดี นักกายภาพคนเดิม ปวดหนักๆก็ต้องที่นี่เลย Sasipim Honey30 มีนาคม 2024Trustindex ตรวจสอบว่าแหล่งที่มาดั้งเดิมของรีวิวคือ Google เข้ารับบริการตั้งแต่สาขาเก่า จนมีสาขาใหม่ก็ตามมาค่ะ นักกายภาพเก่ง ช่วยเหลืออาการได้จริง ฝากตัวกับที่นี่มาสองปีค่ะ แนะนำค่ะ Pattraporn Pipitrat29 กุมภาพันธ์ 2024Trustindex ตรวจสอบว่าแหล่งที่มาดั้งเดิมของรีวิวคือ Google สถานที่สะอาด นักกายภาพมีความ professional ตั้งใจรักษาผู้ป่วยเป็นอย่างดีค่ะ พนักงานก็สุภาพน่ารักค่ะ Jaruwan Weraamornkul12 พฤศจิกายน 2023Trustindex ตรวจสอบว่าแหล่งที่มาดั้งเดิมของรีวิวคือ Google เดินทางสะดวกที่จอดรถดี บริการเลิศ
ในยุคที่คนไทยหันมาใส่ใจสุขภาพอย่างจริงจัง การรักษาทางกายภาพบำบัดได้กลายเป็นหนึ่งในทางเลือกที่สำคัญและได้รับความสนใจมากขึ้น แต่หากย้อนกลับไป 40 ปีก่อนหน้านี้ การรักษาทางกายภาพบำบัดยังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากนัก โดยมีคลินิกเพียงไม่กี่แห่งที่ให้บริการอย่างจริงจัง หนึ่งในนั้นคือ ‘กันยา คลินิกกายภาพบำบัด’ ผู้บุกเบิกและวางรากฐานวงการกายภาพบำบัดที่ก่อตั้งขึ้นด้วยอุดมการณ์ และได้ดำเนินการขยายกิจการจนกระทั่งสามารถจัดตั้งเป็นกลุ่มบริษัทในเครือกันยาคลินิกกายภาพบำบัด ถึง 13 บริษัท
จุดเริ่มต้น ของกันยา คลินิกกายภาพบำบัด
รศ. กภ. กันยา ปาละวิวัธน์ หรือ อาจารย์กันยา ผู้ก่อตั้งกันยา คลินิกกายภาพบำบัด มองเห็นว่าหลายปัญหาสุขภาพที่ผู้คนเผชิญอยู่ในทุก ๆวัน สามารถรักษาได้ด้วยการดูแลป้องกันและรักษาร่างกายโดยไม่ต้องพึ่งยา ความคิดนี้เองที่เป็นจุดเริ่มต้นของอุดมการณ์ที่อาจารย์กันยายึดมั่นว่า ‘สุขภาพที่ดีคือพื้นฐานของความสุขในชีวิต’ จึงได้ก่อตั้งคลินิกกายภาพบำบัดขึ้นเป็นแห่งแรกที่สามแยกไฟฉายในปี ค.ศ. 1981 โดยเริ่มจากห้องแถวธรรมดา 1 ห้องที่สามแยกไฟฉายในช่วงเวลานั้น ขณะนั้นเองอาจารย์กันยา ยังรับราชการเป็นอาจารย์กายภาพบำบัด ที่คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งต่อมามีผู้ที่มารับการรักษาแล้วได้ผลดีจึงได้รับการบอกต่อ และมีผู้มาใช้บริการมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งในปี ค.ศ. 2001 อาจารย์จึงตัดสินใจเปิดคลินิกกายภาพบำบัดอย่างเต็มตัว พร้อมรวมทีมงานคณะอาจารย์จากคณะกายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อมาร่วมพัฒนากันยา คลินิกกายภาพบำบัด ให้เป็นคลินิกบริการกายภาพบำบัดที่มีองค์ความรู้ที่ทันสมัยและเข้าถึงได้
Spark the Idea ยกระดับกายภาพบำบัด ให้สามารถดูแลสุขภาพของประชาชนได้ทุกเพศทุกวัย
“คุณภาพคู่คุณธรรม ดูแลกันในทุกช่วงชีวิต” คืออุดมการณ์หลักที่จุดประกายแนวคิด จนทำให้ รศ. กภ. กันยา ปาละวิวัธน์ ทีมอาจารย์ และทีมบริหารกันยา คลินิกกายภาพบำบัด Spark the Idea วางแผนการบริหารและดำเนินงานของกันยา คลินิกกายภาพบำบัด ด้วยความมุ่งมั่นที่จะช่วยบรรเทาความเจ็บปวด ฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายของผู้ใช้บริการให้กลับมาแข็งแรง มีความสุข และสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่อีกครั้ง แนวคิดนี้ผลักดันให้กันยา คลินิกกายภาพบำบัดมีแนวทางการคิดและตัดสินใจแก้ปัญหาผู้ป่วยอย่างเป็นระบบชัดเจน ด้วยการรักษาที่ออกแบบเฉพาะรายบุคคล เน้นการวิเคราะห์ต้นตอและสาเหตุของอาการอย่างละเอียดโดยทีมนักกายภาพบำบัด เพื่อสร้างแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุดและตรงจุด จนเป็นหัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อนให้กันยา คลินิกกายภาพบำบัดประสบความสำเร็จมาจนถึงปัจจุบัน
ที่มาของอุดมการณ์ คุณภาพคู่คุณธรรม ดูแลกันในทุกช่วงชีวิต เพราะนอกจากเราจะเน้นคุณภาพและคุณธรรมในการรักษาแล้ว ภาพที่เห็นจนชินตาอย่างหนึ่งใน กันยา คลินิกกายภาพบำบัดคือ การที่คนไข้ของเรามักมารักษากันแบบทั้งครอบครัว เนื่องจากคนไข้หนึ่งคนมารักษาแล้วอาการดีขึ้นมาก เขาจึงกลับไปบอกสมาชิกในบ้านและพามารักษาด้วยกันที่ กันยา คลินิกกายภาพบำบัด จนกลายเป็นการดูแลกันแบบครบครันได้ทุกช่วงวัย ตั้งแต่ คนไข้วัยเด็ก คนไข้วัยทำงาน นักกีฬา คุณพ่อคุณแม่ และคุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย คนไข้ของเรามักจะมาปรึกษาหรือขอคำแนะนำจากนักกายภาพบำบัดเสมอว่า จะทำอย่างไรถ้าเขาอยากจะไปเล่นกีฬานี้ ออกไปทำกิจกรรมนี้ให้สำเร็จโดยไม่มีอาการบาดเจ็บ หรือถ้าบาดเจ็บมาจะต้องปฏิบัติตนอย่างไร และเราภูมิใจอยู่เสมอที่ได้เห็นคนไข้ในทุกช่วงวัยมีความสุขในทุกกิจกรรมที่เขาสามารถออกไปทำได้เพราะมีสุขภาพที่แข็งแรง และเราอยากจะสนับสนุนขับเคลื่อนสังคมเช่นนี้ตลอดไป จึงเป็นที่มาของแนวคิด “การดูแลกันในทุกช่วงชีวิต” จาก กันยา คลินิกกายภาพบำบัด
มากไปกว่านั้น เรามีความจริงใจในการดำเนินธุรกิจ และแนวคิดขององค์กรที่บริหารจัดการโดยอาจารย์กายภาพบำบัดผู้ทรงคุณวุฒิ และทีมผู้บริหารนักกายภาพบำบัดทั้งหมด ผู้รับบริการจึงมั่นใจได้ในแนวทางการดำเนินธุรกิจที่มีจรรยาบรรณของผู้เป็นนักรักษาซึ่งเห็นแก่ประโยชน์ของคนไข้เป็นที่ตั้ง และเรามุ่งมั่นในระบบการพัฒนาบุคลากร เนื่องจากมีคณะผู้บริหารและที่ปรึกษาเป็นอาจารย์กายภาพบำบัด เราจึงจริงจังในเรื่องวิชาการและคุณภาพการรักษา มีการวางระบบพัฒนาบุคลากรนักกายภาพบำบัดอย่างเป็นแบบแผน ได้แก่ การจัดตั้งสถาบันจัดอบรมวิชาการกายภาพบำบัด และกิจกรรมพัฒนาบุคลากรภายในอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ ทำให้กันยา คลินิกกายภาพบำบัด กลายเป็นหนึ่งในคลินิกกายภาพบำบัดคุณภาพที่ได้รับการยอมรับและได้รับการบอกต่อจากผู้ใช้บริการ ซึ่งเป็นผลลัพธ์ของอุดมการณ์ที่เข้มแข็งและความมุ่งมั่นในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยในทุกช่วงวัยอย่างแท้จริง
ความมุ่งมั่นที่หยั่งรากลึกในความซื่อตรงและจรรยาบรรณทางวิชาชีพ
ดังที่กล่าวไปข้างต้นการรักษาทางกายภาพบำบัดแบบเข้าใจถึงปัญหาของรายบุคคล ตลอดจนการใช้องค์ความรู้ เทคนิคการรักษาที่ทันสมัยและเหมาะสม เทคโนโลยี และอุปกรณ์ที่ทันสมัย คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้กันยา คลินิกกายภาพบำบัดกลายเป็นหนึ่งในคลินิกชั้นนำในวงการ ขณะเดียวกัน การบริหารธุรกิจก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเมื่อธุรกิจขยายโซลูชันการเงินที่ตอบโจทย์จึงกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคง ปัจจุบันกันยา คลินิกกายภาพบำบัด ได้เลือกใช้โซลูชันจากทีทีบี ซึ่งเป็นพันธมิตรทางการเงินที่เข้าใจธุรกิจอย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะ บริการแอปจัดการร้านค้า ttb smart shop ที่ทางคลินิกใช้อยู่นี้ ตอบโจทย์ทั้งการรับชำระเงิน เพราะสามารถรับชำระเงินผ่าน QR payment ได้จากทุกธนาคาร ลูกค้าสามารถชำระเงินสะดวก เมื่อรับเงิน เงินโอนเข้าบัญชีทันที ไม่เพียงเท่านั้น แอปนี้ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ analytic report ที่ช่วยให้เห็นภาพรวมของคลินิกและเข้าใจพฤติกรรมลูกค้าที่เข้ามารักษาได้ดี ทำให้ทราบว่าเวลาไหนที่ลูกค้าเข้ามาที่คลินิก ซี่งทำให้สามารถจัดสรรทรัพยากรไว้รองรับได้อย่างลงตัว
ที่มาของอุดมการณ์ คุณภาพคู่คุณธรรม ดูแลกันในทุกช่วงชีวิต เพราะนอกจากเราจะเน้นคุณภาพและคุณธรรมในการรักษาแล้ว ภาพที่เห็นจนชินตาอย่างหนึ่งใน กันยา คลินิกกายภาพบำบัดคือ การที่คนไข้ของเรามักมารักษากันแบบทั้งครอบครัว เนื่องจากคนไข้หนึ่งคนมารักษาแล้วอาการดีขึ้นมาก เขาจึงกลับไปบอกสมาชิกในบ้านและพามารักษาด้วยกันที่ กันยา คลินิกกายภาพบำบัด จนกลายเป็นการดูแลกันแบบครบครันได้ทุกช่วงวัย ตั้งแต่ คนไข้วัยเด็ก คนไข้วัยทำงาน นักกีฬา คุณพ่อคุณแม่ และคุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย คนไข้ของเรามักจะมาปรึกษาหรือขอคำแนะนำจากนักกายภาพบำบัดเสมอว่า จะทำอย่างไรถ้าเขาอยากจะไปเล่นกีฬานี้ ออกไปทำกิจกรรมนี้ให้สำเร็จโดยไม่มีอาการบาดเจ็บ หรือถ้าบาดเจ็บมาจะต้องปฏิบัติตนอย่างไร และเราภูมิใจอยู่เสมอที่ได้เห็นคนไข้ในทุกช่วงวัยมีความสุขในทุกกิจกรรมที่เขาสามารถออกไปทำได้เพราะมีสุขภาพที่แข็งแรง และเราอยากจะสนับสนุนขับเคลื่อนสังคมเช่นนี้ตลอดไป จึงเป็นที่มาของแนวคิด “การดูแลกันในทุกช่วงชีวิต” จาก กันยา คลินิกกายภาพบำบัด
มากไปกว่านั้น เรามีความจริงใจในการดำเนินธุรกิจ และแนวคิดขององค์กรที่บริหารจัดการโดยอาจารย์กายภาพบำบัดผู้ทรงคุณวุฒิ และทีมผู้บริหารนักกายภาพบำบัดทั้งหมด ผู้รับบริการจึงมั่นใจได้ในแนวทางการดำเนินธุรกิจที่มีจรรยาบรรณของผู้เป็นนักรักษาซึ่งเห็นแก่ประโยชน์ของคนไข้เป็นที่ตั้ง และเรามุ่งมั่นในระบบการพัฒนาบุคลากร เนื่องจากมีคณะผู้บริหารและที่ปรึกษาเป็นอาจารย์กายภาพบำบัด เราจึงจริงจังในเรื่องวิชาการและคุณภาพการรักษา มีการวางระบบพัฒนาบุคลากรนักกายภาพบำบัดอย่างเป็นแบบแผน ได้แก่ การจัดตั้งสถาบันจัดอบรมวิชาการกายภาพบำบัด และกิจกรรมพัฒนาบุคลากรภายในอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ ทำให้กันยา คลินิกกายภาพบำบัด กลายเป็นหนึ่งในคลินิกกายภาพบำบัดคุณภาพที่ได้รับการยอมรับและได้รับการบอกต่อจากผู้ใช้บริการ ซึ่งเป็นผลลัพธ์ของอุดมการณ์ที่เข้มแข็งและความมุ่งมั่นในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยในทุกช่วงวัยอย่างแท้จริง
การรักษาที่เข้าใจสาเหตุของปัญหาที่แท้จริงคือจุดเด่นของกันยา คลินิกกายภาพบำบัด โซลูชันการเงินที่ตอบโจทย์คือแรงสนับสนุนธุรกิจที่ลงตัว
ดังที่กล่าวไปข้างต้นการรักษาทางกายภาพบำบัดแบบเข้าใจถึงปัญหาของรายบุคคล ตลอดจนการใช้องค์ความรู้ เทคนิคการรักษาที่ทันสมัยและเหมาะสม เทคโนโลยี และอุปกรณ์ที่ทันสมัย คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้กันยา คลินิกกายภาพบำบัดกลายเป็นหนึ่งในคลินิกชั้นนำในวงการ ขณะเดียวกัน การบริหารธุรกิจก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเมื่อธุรกิจขยายโซลูชันการเงินที่ตอบโจทย์จึงกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคง ปัจจุบันกันยา คลินิกกายภาพบำบัด ได้เลือกใช้โซลูชันจากทีทีบี ซึ่งเป็นพันธมิตรทางการเงินที่เข้าใจธุรกิจอย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะ บริการแอปจัดการร้านค้า ttb smart shop ที่ทางคลินิกใช้อยู่นี้ ตอบโจทย์ทั้งการรับชำระเงิน เพราะสามารถรับชำระเงินผ่าน QR payment ได้จากทุกธนาคาร ลูกค้าสามารถชำระเงินสะดวก เมื่อรับเงิน เงินโอนเข้าบัญชีทันที ไม่เพียงเท่านั้น แอปนี้ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ analytic report ที่ช่วยให้เห็นภาพรวมของคลินิกและเข้าใจพฤติกรรมลูกค้าที่เข้ามารักษาได้ดี ทำให้ทราบว่าเวลาไหนที่ลูกค้าเข้ามาที่คลินิก ซี่งทำให้สามารถจัดสรรทรัพยากรไว้รองรับได้อย่างลงตัว
หนทางสู่การเป็นคลินิกกายภาพบำบัดในใจผู้คน
กันยา คลินิกกายภาพบำบัดประสบความสำเร็จมาอย่างยาวนาน เกิดจากหลายปัจจัย โดยที่ผศ.ดร.กภ.จิตวรี ขำเดช ได้อธิบายไว้ว่าความสำเร็จของ กันยา คลินิกกายภาพบำบัดมีหัวใจหลักอยู่ 5 ข้อ
ประสบการณ์ของผู้ก่อตั้ง ด้วยประสบการณ์ของ รศ. กภ. กันยา ปาละวิวัธน์ และทีมงานเองจึงช่วยให้ กันยา คลินิกกายภาพบำบัดเป็นคลินิกกายภาพบำบัดที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้รับบริการอย่างยาวนาน
กันยา คลินิกกายภาพบำบัด เติบโตและขยายงานบริการทางคลินิกจนมีทั้งหมด 10 สาขาทั่วกรุงเทพและปริมณฑล โดยได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้บริการอย่างต่อเนื่อง ทั้งในแง่ของคุณภาพการรักษาและความใส่ใจในการดูแลผู้ป่วย แม้จะเผชิญกับความท้าทายในยุคที่คลินิกกายภาพบำบัดเกิดขึ้นจำนวนมากและมีการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้น ทั้งการใช้โปรโมชั่นและกลยุทธ์ดึงดูดลูกค้าในรูปแบบต่าง ๆ แต่สิ่งที่ทำให้กันยา คลินิกกายภาพบำบัดครองใจผู้ใช้บริการ คือความจริงใจในการดูแลผู้ป่วย และการมอบประสบการณ์การรักษาที่ตอบโจทย์ทั้งในด้านการฟื้นฟูสุขภาพร่างกายและการป้องกันปัญหาในระยะยาว ด้วยแนวทางที่มุ่งเน้นสุขภาพแบบองค์รวม ทำให้กันยา คลินิกกายภาพบำบัดกลายเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ในใจผู้ใช้บริการได้อย่างมั่นคง
เมื่อปลายปีก่อน มีผู้อ่านชื่อ ‘พี่ลูกศร’ ส่งข้อความถึง The Cloud เล่าเรื่องคลินิกกายภาพบำบัดแห่งหนึ่งให้ฟัง พี่ศรบอกว่า ตัวเองมีปัญหาเอ็นขาอักเสบ ซึ่งเป็นผลกระทบจากการผ่าตัดเมื่อสิบกว่าปีก่อน ตัดสินใจไปรักษาที่ ‘กันยาคลินิกกายภาพบำบัด’ เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา จึงได้รู้แนวคิดในการทำธุรกิจของที่นี่ แนวคิดแบบที่นักธุรกิจก็ทำไม่ได้ ต้องเป็นนักกายภาพบำบัดเท่านั้น เจ้าของคลินิกคือ รศ.กันยา ปาละวิวัธน์ อดีตอาจารย์กายภาพบำบัดอายุ 70 ปีที่ต้องการให้สุขภาพดีเป็นเรื่องที่ทุกคนเข้าถึงได้
อาจารย์กันยาสร้างคลินิกกายภาพบำบัดแห่งนี้เมื่อ 40 ปีก่อน มีค่ารักษาเริ่มต้นแค่ 200 บาท ผ่านมาหลายปีราคาก็เพิ่มขึ้นไม่มาก เพราะกลัวคนไข้จะรักษาไม่ไหว การรักษาของที่นี่เป็นแบบ Patient-centric มีระบบเทรนนักกายภาพบำบัดที่เข้มงวดทั้งความเชี่ยวชาญด้านกายภาพบำบัดและความช่ำชองเรื่องจิตใจของผู้คน โดยตั้งใจให้การรักษาไม่จบแค่ในห้องตรวจ เพราะสิ่งสำคัญที่จะทำให้อาการทางกายหายขาดคือ คนไข้ต้องกลับไปดูแลชีวิตตัวเองให้ได้ คลินิกใช้กลยุทธ์การตลาดแบบปากต่อปากโดยลูกค้า ความสำเร็จของธุรกิจนี้จึงไม่ใช่การมาใช้บริการซ้ำ แต่หวังว่าเขาจะหายดีและไม่ต้องเจอกันเพราะโรคอีก
“พี่ลูกศรเป็นแฟน The Cloud มาตลอด เลยอยากลองเสนอหัวข้อสัมภาษณ์นี้ เพราะอยากให้เจตนารมณ์ดี ๆ ของผู้ก่อตั้งที่มีต่อคนไข้ได้สืบต่อ”
พี่ลูกศรพิมพ์ข้อความทิ้งท้ายไว้ในฐานะคนหนึ่งที่มีปัญหา Office Syndrome ผู้ผ่านการรักษามาแล้วหลายแขนง ทั้งไทย จีน ฝรั่ง และยอมแพ้รับชะตากรรมอาการปวดเรื้อรังมาหลายครั้ง (จนวาดฝันว่าอยากเปิดร้านนวดของตัวเอง หรือมีเครื่องอัลตร้าซาวด์ไว้ที่บ้าน) เรากดเบอร์โทรศัพท์ของ กภ.นันท์ อุดมเฉลิมภัทร หรือที่คนไข้เรียกกันจนติดปากว่า หมอนัน ผู้บริหารในเครือบริษัท กันยาคลินิกกายภาพบำบัด ที่พี่ลูกศรให้มาเพื่อนัดคุยกันในบ่ายวันหนึ่ง
ย้อนไปเมื่อ 40 ปีก่อน ศาสตร์ทางกายภาพบำบัดยังไม่ได้รับความนิยมในเมืองไทย เมื่อพูดถึง ‘การกายภาพ’ หลายคนมักคิดว่าเป็นวิธีการรักษาหลังประสบอุบัติเหตุครั้งใหญ่ หรือเมื่อร่างกายเป็นอัมพฤตหรืออัมพาต อาจารย์กันยาจึงตั้งคำถามเกี่ยวกับวิชาชีพของตัวเองว่า จริง ๆ แล้วจะสามารถช่วยคนมากกว่านั้นได้หรือไม่ กันยาคลินิกสาขาแรกเป็นห้องแถวเล็ก ๆ บริเวณสามแยกไฟฉาย และเปิดเฉพาะช่วงนอกเวลางานประจำ สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับกายภาพบำบัดให้คนทั่วไป จนมีคนไข้ขาประจำแวะเวียนมาไม่ขาดสาย เป็นตอนนั้นเองที่อาจารย์กันยาได้คำตอบว่า กายภาพบำบัดช่วยคนไข้ให้อาการดีขึ้นได้ โดยไม่ต้องพึ่งยาใด ๆ และยังสามารถดูแลตัวเองต่อได้
เวลาผ่านไปมีลูกศิษย์ลูกหาเข้ามาร่วมงานด้วย พร้อมนักลงทุนที่ยื่นข้อเสนอทางธุรกิจในการขยายกิจการหลายรูปแบบแต่อาจารย์กันยาปฏิเสธ เพราะมีวิสัยทัศน์ที่แตกต่างไป ท่านตั้งมั่นว่าทีมบริหารทั้งหมดต้องเป็นแพทย์ ไม่ใช่นักธุรกิจ เพราะไม่อยากให้แนวทางที่ตั้งใจเดินแต่แรกหล่นหาย ประกอบกับที่อาจารย์อยากให้คนทำงานมีธุรกิจเป็นของตัวเอง จึงเริ่มขยายสาขาและชวนเข้ามาเป็นหุ้นส่วน จาก 1 เป็น 2 จาก 2 เป็น 3 จนปัจจุบันมีทั้งหมด 5 สาขา ได้แก่ สิรินธร เหม่งจ๋าย อุดมสุข พญาไท และประชาชื่น พร้อม ‘ซีเนียร์กันยา’ ให้บริการกายภาพบำบัดที่บ้านสำหรับคนที่ไม่สามารถเดินทางมาที่คลินิก
เรานัดคุณนันที่คลินิกประชาชื่น สาขาใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดได้หมาด ๆ พนักงานต้อนรับหน้าตายิ้มแย้ม สถานที่สะอาดสะอ้านเป็นสัดเป็นส่วน นักกายภาพบำบัดใจดีที่ค่อย ๆ อธิบายอาการอย่างใจเย็น รายการการรักษาที่ครอบคลุมตั้งแต่ผู้ป่วยระดับแรกเริ่มอย่างกระดูกกล้ามเนื้อ กลุ่มนักกีฬา ผู้ป่วยระบบประสาท จนถึงกระดูกสันหลังคด ถ้าคิดว่านั่นทำให้กันยาคลินิกแตกต่างแล้ว คุณคิดผิด สิ่งที่ทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งในใจคนไข้ที่เข้ามารับการรักษาอย่างพี่ลูกศร ไม่ใช่แค่ประสบการณ์ในห้องตรวจ แต่รวมไปถึงเมื่อเขากลับบ้าน กลับไปใช้ชีวิต และผลลัพธ์ที่ได้หลังจากนั้น
การรักษาหนึ่งครั้งใช้เวลาเฉลี่ย 1 ชั่วโมงครึ่ง เพราะหนึ่งสิ่งสำคัญของกระบวนการรักษาคือ การพูดคุย คนไข้จะอยู่กับนักกายภาพบำบัดแค่ 1 – 2 ชั่วโมง ที่เหลือต้องกลับไปอยู่กับตัวเองและดูแลตัวเองให้ได้ “เราต้องให้เวลากับเขา คุยกับเขาให้เข้าใจก่อนว่า หนึ่ง เป้าหมายของเขาที่มาหาเราคืออะไร และสอง เราสามารถทำให้ถึงตามเป้าที่เขาหวังไว้ได้ไหม อย่างไร เมื่อเป้าหมายตรงกันแล้วก็พากันเดินไปให้ถึง”
ที่นี่รักษาแบบองค์รวม โดยไม่ได้มองคนไข้เป็นส่วน ๆ หากคนไข้มาเพราะอาการปวดคอ ก็จะไม่ดูแค่คอ บ่า ไหล่ หรือมีอาการปวดหลัง ก็จะไม่ดูแค่หลัง
“อย่าลืมว่าคนไข้ 1 คนก็คือมนุษย์ 1 คนนะครับ เวลาจะรักษามนุษย์ 1 คน เราต้องตรวจทั้งร่างกายว่าปัญหาจริง ๆ เกิดจากอะไร”
เราถึงกับคิดเรื่องการนวดแผนไทยครั้งล่าสุดของตัวเอง ที่อยากแก้อาการปวดสะบักจากการนั่งทำงานนาน รู้ทั้งรู้ว่าอาการไม่ได้เกิดจากสะบัก ก็ยังไม่วายเลือกโปรแกรม ‘คอ บ่า ไหล่’ แถมขอเน้นสะบักเป็นพิเศษ
“ยกตัวอย่างว่า สมมติคนไข้เจ็บเท้าซ้าย เขาจะไม่ลงน้ำหนักเท้าข้างซ้ายแน่นอน แต่จะลงข้างขวา พอเป็นแบบนี้ไปสักพัก ก็จะติดพฤติกรรมลงน้ำหนักเท้าข้างขวา แม้เท้าซ้ายจะไม่เจ็บแล้ว เขาอาจจะมาหาด้วยอาการปวดเข่าขวานี่แหละ ถ้ารักษาเป็นส่วน ๆ เราก็ดูแค่เข่าขวา ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้ว ต้นเหตุมันมาจากข้อเท้าซ้ายที่เคยเจ็บจนทำให้ข้างขวาทำงานหนัก ถ้าเราดูแค่จุดจุดเดียว เป็นตรงไหนกดตรงนั้น อัลตร้าซาวด์ช่วย เขาอาจจะไม่ได้กลับไปฝึกให้ลงน้ำหนักขาซ้ายอย่างถูกต้องอีกเลย อาการปวดลงขาขวาก็ไม่มีทางหายเจ็บ
“บางคนตึงบ่าเพราะหายใจไม่เป็น ไปใช้กล้ามเนื้อบ่าแทน เราก็ต้องแก้ที่วิธีการหายใจ การตรวจรักษาคนไข้แบบนี้จึงมีแนวโน้มทำให้คนไข้หายขาดในระยะยาวมากกว่า”
ต่อเนื่องจากการใช้เวลากับคนไข้ให้คุ้มค่า นักกายภาพบำบัดที่กันยาคลินิกมองตัวเองเป็นโค้ช คอยสอนและให้กำลังใจคนไข้ในการทำกายภาพบำบัดด้วยตัวเองต่อ โดยยึดธรรมชาติพฤติกรรมเป็นที่ตั้ง และที่สำคัญคือเอาใจใส่กับความสุขของแต่ละคน
“แต่ละคนไม่เหมือนกัน ถึงเขาจะมีอาการปวดเหมือนกันก็ตาม เรารู้อยู่แล้วว่าอาการแบบนี้ ทำท่าไหนถึงมีประโยชน์
“การรักษาช่วงแรก ๆ เป็นการเรียนรู้ลักษณะนิสัย เราจะลองให้การบ้านเขาไปสัก 2 ท่า ดูว่าขยันทำไหม ถ้าเขาไม่ชอบออกกำลังกายเป็นทุนเดิมอาจจะไม่ค่อยทำ ซึ่งเราตรวจได้จากความแข็งแรงของร่างกาย ครั้งต่อไปก็ให้การบ้านน้อยหน่อย ไม่ต้องไปบังคับ เพราะเดี๋ยวสุดท้ายจะไม่ทำเลย แต่เกิดเขาชอบมาก ขยันมาก เราก็ให้การบ้านเพิ่ม”
คุณนันเล่าว่า การกายภาพบำบัดในเมืองไทยแตกต่างจากต่างประเทศ ที่สหรัฐอเมริกาแทบไม่มีการใช้เครื่องมือ แต่เน้นการออกกำลังกายเป็นหลัก หน้าที่ของนักกายภาพบำบัดคือพยายามเข้าใจธรรมชาติและการใช้ชีวิตของคนไข้ เพื่อออกแบบการรักษาที่นอกจากตอบโจทย์แล้ว ยังมีแนวโน้มว่าจะสำเร็จลุล่วง ที่สำคัญต้องทำให้คนไข้เห็นผลลัพธ์ เขาจะได้มีแรงใจที่จะพยายามทำต่อ ไม่ได้มองมันแค่เป็นการบ้านที่ทำให้แล้ว ๆ ไป
หรือในบางเคส คนไข้ชอบเดินออกกำลัง นักกายภาพบำบัดที่นี่จะไม่สั่งห้ามกิจกรรมเขาทันที เพราะรู้ว่ามีผลต่อความสุขในชีวิต บางคนกระทบไปถึงสภาพจิตใจ จึงจะประเมินอาการก่อน ช่วงแรกอาจจะยังทำไม่ได้ พอเวลาผ่านไป ค่อย ๆ ปล่อยให้ทำทีละน้อย
สิ่งที่ทำให้คลินิกดำเนินกิจการได้อย่างยั่งยืนจนถึงวันนี้คือ บุคลากร ที่นี่คัดเลือกคนเข้าทำงานอย่างละเอียด ทั้งในส่วนของนักกายภาพบำบัดและเจ้าหน้าที่ เฟ้นหาจนเจอคนที่ ‘ใช่’ หรือที่คุณนันเรียกว่า ‘คนกันยา’
“เวลาคัดเลือกจะลองจินตนาการว่า ถ้าเราเป็นคนไข้แล้วมาเจอนักกายภาพบำบัดหรือเจ้าหน้าที่คนนี้ เราจะอยากคุยกับเขาไหม แล้วจะรู้เลยว่าคนไหน ‘ใช่’”
ภาพย้อนกลับไปเมื่อ 20 นาทีก่อนที่เราเปิดประตูคลินิกเข้ามา พนักงานด้านหน้าต้อนรับและให้ข้อมูลอย่างอบอุ่น ถ่ายทอดความตั้งใจของอาจารย์กันยาได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน
“เราสัมภาษณ์กันจริงจัง และไม่ได้คัดด้วยเกรด แต่ดูว่าสื่อสารกันรู้เรื่องไหม ทำงานจริงได้ไหม อย่างตำแหน่งพนักงานต้อนรับ เราดูที่ความใจเย็น เขาต้องอารมณ์ดีและใจเย็น เพราะคนไข้มีหลายรูปแบบ ส่วนพนักงานอื่น ๆ เช่น แม่บ้าน ก็อาจจะไม่ได้เน้นเรื่องการพูดคุย แต่ดูความซื่อสัตย์และความละเอียด เช่น ถ้ามีน้ำหกตรงนั้น เขาพร้อมจะไปดูแลไหม
ที่กันยาคลินิก นักกายภาพบำบัดต้องเข้ารับการอบรมนานถึง 3 เดือนก่อนจะเริ่มรักษาคนไข้จริง
“มีทั้งชั่วโมงเลกเชอร์และชั่วโมงปฏิบัติ เพื่อทบทวนเนื้อหาสำคัญจากมหาวิทยาลัย สิ่งที่เขาต้องตอบหรือนำไปประยุกต์ใช้ต่อให้ได้ นักกายภาพบางคนยังไม่มีประสบการณ์ในการเจอคนไข้ ทุกคนจะมี CI หรือ Clinical Instructor เป็นนักกายภาพรุ่นพี่เป็นพี่เลี้ยง อบรมเสร็จต้องสอบให้ผ่าน”
ที่น่าสนใจคือ ที่นี่ไม่มีนักกายภาพบำบัดพาร์ตไทม์ จะมีก็เป็นนักกายภาพบำบัดที่เคยผ่านอบรมกับเราแล้วมีเงื่อนไขบางอย่างจึงไม่สามารถทำเต็มเวลาได้ คุณนันบอกว่า บุคลากรคือตัวแทนในการดูแลคนไข้ องค์กรจำเป็นต้องสร้างคนที่เข้มแข็งและมีเป้าหมายเดียวกันคือรักษาคนไข้ให้หาย
เมื่อฝ่ายบริหารทั้งหมดเป็นนักกายภาพบำบัด ยอดกำไรจึงไม่ใช่เป้าหมายสูงสุดของธุรกิจนี้ ความสำเร็จที่แท้จริงคือ คนไข้ต้องหายจากอาการ หรือดีขึ้นเท่าที่จะดีขึ้นได้ภายใต้เงื่อนไขของแต่ละคน
‘อย่าตั้งราคาแพง’ นักกายภาพบำบัดผู้ก่อตั้งเน้นย้ำเรื่องนี้เสมอ
เดิมทีค่ารักษาเริ่มต้นแค่ 200 บาท เพราะกายภาพบำบัดไม่ใช่การรักษาแบบครั้งเดียวหาย แต่ต้องการความต่อเนื่อง
“ถ้าเขาต้องมาหลายครั้ง เราต้องทำให้ราคาไม่แพง อาจารย์กันยามองว่า เราไม่ได้ทำการตลาด จึงไม่จำเป็นต้องตั้งราคาสูง ๆ เพื่อแบกรับต้นทุน ”
ตลอด 40 ปี คลินิกนี้ขึ้นค่าใช้จ่ายในการรักษานับครั้งได้ ครั้งล่าสุดคือช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา บริษัทต้องรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้น เพราะรับคนไข้ได้น้อยลงตามนโนบายรักษาระยะห่าง พร้อมรักษาพนักงานทุกคนเอาไว้โดยไม่ปลดออกหรือลดเงินเดือน
“เราตัดสินใจขึ้นราคาเล็กน้อย แต่กว่าจะตกลงกันได้ประชุมกันเยอะมาก เพื่อให้ทีมบริหารทุกคนเห็นพ้องต้องกัน พอตกลงกันได้แล้วก็ไปคุยกับพนักงาน หลายคนเขาอยู่หน้างาน ก็ไม่อยากให้คนไข้จ่ายเยอะ แต่เราจำเป็นต้องทำจริง ๆ”
นอกจากนี้ กันยาคลินิกก็ไม่มีระบบขายเป็นคอร์ส
“เราเคยคุยเหมือนกันว่าทำไมไม่ขายเป็นคอร์ส แบบ 10 ครั้งในราคาถูกลง อาจารย์กันยาให้เหตุผลว่า หลาย ๆ ครั้งคนไข้ไม่จำเป็นต้องรักษามากขนาดนั้น ถ้าเขาเข้ามาพร้อมอาการหนึ่ง รักษาออกไปแล้วไม่ดีขึ้น เขาอาจจะต้องไปรักษาด้วยวิธีการอื่น บางคนเป็นนิด ๆ หน่อย ๆ ทำครั้งสองครั้งก็ดีขึ้นแล้ว การซื้อคอร์สเลยเหมือนเราเอาเงินเขามา ทั้ง ๆ ที่เขาจะไม่ได้ใช้ หรือไม่จำเป็นต้องใช้”
ธุรกิจนี้ไม่ได้ทำการตลาดมากมาย
กลยุทธ์ทางธุรกิจหลักที่มีคือ ความตั้งใจในการรักษาที่น่าประทับใจจนลูกค้าบอกต่อ (Word of Mouth)
การรักษาจนลูกไข้หายขาดก็ไม่ได้แปลว่าลูกค้าจะน้อยลงทุกวัน เพราะ 1 คนที่หายดี อาจไปแนะนำเพื่อนและครอบครัวอีก 5
วันนี้ สาขาสิรินธรมีคนไข้ใหม่ต่อเดือนราว ๆ 200 คน สาขาเหม่งจ๋าย 150 คน อุดมสุข 100 คน พญาไท 60 คน และสาขาใหม่ที่ประชาชื่นประมาณ 80 คน
หลักสำคัญของกายภาพบำบัดคือการทำให้คนได้ใช้ชีวิต ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง วิ่ง อย่างปกติสุข เท่าที่เงื่อนไขร่างกายของเขาจะทำได้
ในฐานะนักกายภาพบำบัด กันยาคลินิกได้คืนชีวิตให้คนมากมาย
ในฐานะธุรกิจ ได้เป็นแบบอย่างให้บุคลากรและกิจการทางการแพทย์มากมาย พร้อมมีเป้าหมายอยากสร้างคนทำงานด้านกายภาพบำบัดผ่าน Kanya Academy ที่ตั้งขึ้นเพื่ออบรมนักกายภาพบำบัดทั่วประเทศ โดยไม่กังวลว่าจะเกิดคู่แข่งทางธุรกิจขึ้นในอนาคต
คุณนัน ผู้ทำงานใกล้ชิดกับอาจารย์กันยามาตลอดกว่าสิบปี บอกว่าการเป็นนักกายภาพบำบัดที่ต้องทำธุรกิจเป็นเรื่องยากที่สุดในชีวิต ความจริงใจอยากช่วยเหลือผู้คนในบางครั้งก็เดินสวนกับความสำเร็จทางธุรกิจ แต่สิ่งที่กันยาคลินิกเชื่อไม่เคยเปลี่ยนตลอด 40 ปีนี้ คือการยกคนไข้เป็นที่ตั้ง แล้วทุกอย่างจะคืนกลับมาเอง
ธุรกิจจะเป็นที่รักของคนได้ ขึ้นอยู่กับวิธีการที่เลือกทำ
ที่เราได้นั่งคุยกับคุณนันตอนนี้ก็จากคำบอกต่อของพี่ลูกศร ที่เราขอนามบัตรคลินิกกลับมาเพื่อนัดคิวรักษาก็เพราะสิ่งที่คุณนันเล่า หรืออย่างที่อาจารย์กันยาสอนนักกายภาพทุกคนที่นี่เสมอ
“คุณอย่าไปหวังอะไรจากคนไข้ ไม่ว่าจะเป็นเงินทอง ชื่อเสียง ไม่ต้องสนใจสิ่งเหล่านั้น แค่ทำหน้าที่ของคุณให้ดีที่สุดก็พอ”
มูลนิธิกันยา กายภาพบำบัด ก่อตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนการเข้าถึงการรักษาทางกายภาพบำบัดให้แก่กลุ่มพระภิกษุ สามเณร แม่ชี และบุคคลทั่วไปที่ต้องการความช่วยเหลือ รวมถึงการส่งเสริมการศึกษาและพัฒนาวิชาชีพทางด้านกายภาพบำบัดในระดับสังคม นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์กลางในการเผยแพร่องค์ความรู้และสร้างเครือข่ายวิชาการที่แข็งแกร่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมูลนิธิได้ดำเนินกิจกรรมต่างๆ ตามวัตถุประสงค์หลักดังต่อไปนี้
ทางมูลนิธิจะยังคงเดินหน้าทำงานเพื่อสร้างประโยชน์ให้กับสังคมและผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือด้านกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นความยั่งยืนและการสนับสนุนในทุกมิติ เพื่อให้ทุกคนได้เข้าถึงการรักษาและการพัฒนาวิชาการทางกายภาพบำบัดอย่างเท่าเทียมและมีคุณภาพ